วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559

เที่ยงคืนสี่สิบกับจูดี้และนิค

เฮลโล
เที่ยงคืน สี่สิบ แอพพลิเคชั่นในมือถือบอกว่าตอนนี้อากาศ 26 องศา ตอนที่ขี่จักรยานกลับมา รู้สึกว่าอากาศเย็นสบายมาก ลมเย็นๆปะทะหน้า ถนนนิมมานเหมินทร์ตอนที่ไม่มีผู้คน ไม่มีแสงสว่าง มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ไกลๆ เสียงลูกปืนดังๆของจักรยานเรา แล้วก็เพลงของมินดี้ เกลนฮิลล์ที่แคชมาจากแอพซาวน์คลาวน์ในหูฟัง

เราไม่รู้ว่าในอนาคตเธอจะเห็นว่าสิ่งที่เราทำมันเป็นความบันเทิงไร้ค่า หรือเธอก็จะยังทำแบบนี้ แม้ว่าขาขวาจะปวดจี๊ดๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าลงน้ำหนักมากไปอีกแล้วก็เถอะ ตอนนี้เราออกมานั่งที่ระเบียง พร้อมโน๊ตบุ๊คที่เพิ่งคืนชีพจากอแดปเตอร์ระเบิด(ดีง ป๊อบ เฉยๆน่ะนะ) น้ำยูนิฟในแก้วใสที่แม่เพิ่งเอาขึ้นมาพร้อมแม่เมื่อวานซีน น้ำเป็นผลพวงจากการชั่งใจว่าจะซื้อสปายดีมั้ย แต่ด้วยความรู้สึกบางอย่าง ผสมกับความกลัวนอนไม่หลับ เลยเลือกของเหลวสีส้มแดงหวานเจี๊ยบนี่มาแทน

ความเจ๋งของเวลาหลังเที่ยงคืนคือความเงียบ เหมือนเป็นคนละสถานที่กับก่อนเที่ยงคืน ที่ผู้คน ผับ บาร์ แข่งกันเปล่งเสียงออกมา แน่นอนว่ามันไม่เงียบสงัดเหมือนที่หอหรอก อารมณ์คงเป็นการมีที่อยู่ติดกับสถานที่ท่องเที่ยวของทุกคนกระมัง

ไม่รู้ว่าทำไมทุกครั้งที่ดูหนังแล้วชอบจะต้องกลับมาเขียนอะไรสักอย่าง – แทรกนิด ขอบคุณที่ไม่มียุง – เพิ่งไปดู ซูโทเปียมา จะว่ายังไงดี เห็นตอนแรกชมๆกัน เราก็คาดระดับไว้ประมาณเบย์แม็กซ์ แต่มัน ดีกว่าที่คาดไว้อีก เรื่องเหมือนจะเป็นกระต่ายพิสูจน์ตัวเองธรรมดาๆ เหมือนจะจบแบบดิสนีย์ๆ แต่เรื่องกลับซ่อนไว้อีก เป็นคุณแกะที่คิดจะเปลี่ยนแปลงสถานะของตัวเองเท่านั้น รู้สึกว่าดิสนีย์เองก็มีการพัฒนาโครงเรื่องไปไม่ใช่น้อยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าถ้าเรายังเด็ก จะคิดยังไงกับเรื่องนี้ แต่เรารู้สึกเหมือนถูกจูดี้สะท้อนบางอย่าง – ใช่ ดิสนีย์ไม่ใช่แนวกระแทกใจ “เหมือนถูกตบหน้าแรงๆ” หรอกนะ แต่ก็นั่นแหล่ะ จูดี้ กับเพลงในธีมเรื่อง I want to try everthing มันอาจจะเป็นเหมือนตัวเอกในอุดมคติ ที่มีความฝัน พยายามทำมันอยากสุดแรงเกิด แล้วก็สำเร็จ – ตลก ดิสนีย์บอกเรา – ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ แล้วยังมีคนจะซ้ำเติมเรา ยังมีคนพร้อมจะเหยียบ ในขณะเดียวกัน ก็มีเรื่องดีๆในเรื่องร้ายๆ – จะอธิบายยังไงดีละ รู้สึกเลย
ว่าดิสนีย์เรื่องนี้พูดถึง “ชีวิต” ได้สมบูรณ์ในระดับหนึ่งเลยล่ะ /ขอละเรื่องดาร์กมากๆไว้ แต่เรื่องจิตใจที่โดนทำลายนี่ใช้ได้เลยนะ/ นอกจากนี้แล้วยังล้อเลียนหนังตัวเองอย่างแนบเนียนด้วย อย่างการเอาตัวละครดุ๊กวีเซิลตั้นจากโฟรเซ่น หรือประโยคจากโฟรเซ่นมา เออ เหมือนจะมีเราขำอยู่คนเดียวในโรงหรือเปล่านะ เอาเถอะ แต่รู้สึกว่าการแซะมาถึงจุดที่โอเค ไม่รู้ว่าคนเขียนบทคนนี้หมั่นไส้โฟรเซ่นลึกๆหรือเปล่า (ฮา) แต่ชอบ

กลับมาพูดเรื่องจูดี้ กับ นิค ชอบคำพูดของนิคที่ว่า โลกมันไม่ได้สวยงาม ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นอะไรที่อยากเป็น ชอบความพ่อแม่ของจูดี้ที่กลัวเสียทุกอย่าง แต่จูดี้ยังคงพยายาม ไม่ได้ลดละ มันก็การ์ตูนแหล่ะ แต่มันทำให้เรานึกถึงตัวเอง นึกถึงสิ่งที่เคยทำ สิ่งที่เคยเป็น ที่อยากทำ อยากลอง ถึงคนอื่นจะบอกว่าทำไม่ได้ แต่เราเชื่อว่าเราทำได้ ไม่สิ เราไม่รู้หรอก แต่เราก็ดันทุรังจะทำมันต่อ เท่านั้นแหล่ะ – มันเหมือนเป็นสิ่งที่ทุกคนตอนเด็กๆน่าจะเคยเป็นกัน ความไม่ยอมแพ้ ความมุ่งมั่น แต่พอเราโตขึ้น ความจริงก็ซัดพัดผ่านหน้า บอกว่ามันมีอุปสรรคมากเหลือเกิน รู้มั้ยว่าทำไมการ์ตูนตัวเอกหรือประกอบอาชีพให้เข้าใจง่ายๆ เพราะมันจะได้เข้าถึงทุกคนไง ถามว่าถ้าอยู่ในจุดเดียวกันกับจูดี้แล้วเราจะทำได้แบบนั้นมั้ย  

ไม่แน่ใจหรอก

ไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่ แต่เมื่อวานเพิ่งดู la famille belier มา จากดีวีดีที่ห้องนี่แหล่ะ ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือยังไง แต่ก็เป็นเรื่องความฝันของตัวเอกเหมือนกันแต่ทางนี้มีภาระหน้าข้างหลังอีกมากมาย

สิ่งที่ทั้งสองเหมือนกันคือการไม่ยอมแพ้ แม้ว่าคนอื่นจะไม่เชื่อ แม้ว่าตัวเองจะไม่เชื่อในบางที แต่ก็ไม่ทิ้งมันไป มันอาจจะลังเลบ้าง หนีบ้าง แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็กระโดดเข้าสู้ดินแดนของความฝันของตัวเอง ดินแดนที่ทรหด ใช้ความอดทน ใช้ความพยายาม แต่ก็กลับมาในเวลาที่ถูกต้องเหมาะสม ไม่เร็วไป ไม่ช้าไป


พิมพ์มาโคตรยาว เอาจริงๆสามารถเขียนสั้นๆได้อยู่นะ

คือการดูหนังทำให้กลับไปตระหนักถึงการ 

“พยายาม”


เธอคงโดนตัวเองตอนเด็กตบหัว ถ้าพูดถึงชีวิตด้านการเรียน เธอจะบ่นว่าขาดแรงบันดาลใจหรืออะไรก็ได้ แต่ว่าเธอดันเลิกพยายามไปด้วยนี่สิ แล้วเธอจะฟูมฟายกับผลลัพธ์ทำไม – เธอไม่ได้ฟูมฟายขนาดนั้น เรารู้ แต่นั่นแหล่ะ

เราไม่ใช่ตัวเอก ที่สุดท้ายผลจะออกมาเพอร์เฟค ช่วยโลกได้น่าซาบซึ้งขนาดนั้น แต่ว่านะ หนังเรื่องชีวิตของเรา นอกจากเรา มันก็ไม่มีใครมาเทียบ ไม่มีใครมาบอกว่าใครเป็นคนที่ใช้ชีวิตได้พีคกว่าใคร ทุกความพอใจ ทุกความสุข มันอยู่กับจังหวะชีวิตของเราทั้งนั้นแหล่ะ ขึ้นอยู่กับการเลือกของเราทั้งหมด


เธอก็รู้ เราก็รู้ ชีวิตกับเป้าหมาย ไม่ได้เป็นทั้งหมดของความสุข แต่การพยายามเพื่อเป้าหมาย มันก็เป็นชีวิตที่เธอมีความสุขไม่ใช่เหรอ ? ไม่ต้องเถียงว่าจะเหนื่อยหรอก ไม่มีอะไรที่ไม่เหนื่อย นอกจากการกระทำที่มันไม่พัฒนาเธอเท่านั้นละ ถ้าความสุขของเธอคือการพยายามอย่างไม่คิดอะไร

ลองเชื่อใจตัวเองอีกครั้งนะ อย่าลังเลเลย
เราไม่รู้ว่าจุดจบมันจะกู๊ดเอนด์หรือแบดเอนด์นะ

แต่ว่า “พยายามเข้า” นะ

เรารู้ว่าเธอทำได้ อย่างที่เคยๆนั่นแหล่ะ





29/02/16 1.42