เฮลโล
เที่ยงคืน
สี่สิบ แอพพลิเคชั่นในมือถือบอกว่าตอนนี้อากาศ 26 องศา ตอนที่ขี่จักรยานกลับมา
รู้สึกว่าอากาศเย็นสบายมาก ลมเย็นๆปะทะหน้า ถนนนิมมานเหมินทร์ตอนที่ไม่มีผู้คน
ไม่มีแสงสว่าง มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ไกลๆ เสียงลูกปืนดังๆของจักรยานเรา
แล้วก็เพลงของมินดี้ เกลนฮิลล์ที่แคชมาจากแอพซาวน์คลาวน์ในหูฟัง
เราไม่รู้ว่าในอนาคตเธอจะเห็นว่าสิ่งที่เราทำมันเป็นความบันเทิงไร้ค่า
หรือเธอก็จะยังทำแบบนี้ แม้ว่าขาขวาจะปวดจี๊ดๆ
เป็นสัญญาณเตือนว่าลงน้ำหนักมากไปอีกแล้วก็เถอะ ตอนนี้เราออกมานั่งที่ระเบียง
พร้อมโน๊ตบุ๊คที่เพิ่งคืนชีพจากอแดปเตอร์ระเบิด(ดีง ป๊อบ เฉยๆน่ะนะ)
น้ำยูนิฟในแก้วใสที่แม่เพิ่งเอาขึ้นมาพร้อมแม่เมื่อวานซีน น้ำเป็นผลพวงจากการชั่งใจว่าจะซื้อสปายดีมั้ย
แต่ด้วยความรู้สึกบางอย่าง ผสมกับความกลัวนอนไม่หลับ
เลยเลือกของเหลวสีส้มแดงหวานเจี๊ยบนี่มาแทน
ความเจ๋งของเวลาหลังเที่ยงคืนคือความเงียบ
เหมือนเป็นคนละสถานที่กับก่อนเที่ยงคืน ที่ผู้คน ผับ บาร์ แข่งกันเปล่งเสียงออกมา
แน่นอนว่ามันไม่เงียบสงัดเหมือนที่หอหรอก
อารมณ์คงเป็นการมีที่อยู่ติดกับสถานที่ท่องเที่ยวของทุกคนกระมัง
ไม่รู้ว่าทำไมทุกครั้งที่ดูหนังแล้วชอบจะต้องกลับมาเขียนอะไรสักอย่าง
– แทรกนิด ขอบคุณที่ไม่มียุง – เพิ่งไปดู ซูโทเปียมา จะว่ายังไงดี
เห็นตอนแรกชมๆกัน เราก็คาดระดับไว้ประมาณเบย์แม็กซ์ แต่มัน ดีกว่าที่คาดไว้อีก
เรื่องเหมือนจะเป็นกระต่ายพิสูจน์ตัวเองธรรมดาๆ เหมือนจะจบแบบดิสนีย์ๆ
แต่เรื่องกลับซ่อนไว้อีก เป็นคุณแกะที่คิดจะเปลี่ยนแปลงสถานะของตัวเองเท่านั้น
รู้สึกว่าดิสนีย์เองก็มีการพัฒนาโครงเรื่องไปไม่ใช่น้อยเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าถ้าเรายังเด็ก จะคิดยังไงกับเรื่องนี้
แต่เรารู้สึกเหมือนถูกจูดี้สะท้อนบางอย่าง – ใช่ ดิสนีย์ไม่ใช่แนวกระแทกใจ
“เหมือนถูกตบหน้าแรงๆ” หรอกนะ แต่ก็นั่นแหล่ะ จูดี้ กับเพลงในธีมเรื่อง I want to try everthing มันอาจจะเป็นเหมือนตัวเอกในอุดมคติ ที่มีความฝัน
พยายามทำมันอยากสุดแรงเกิด แล้วก็สำเร็จ – ตลก ดิสนีย์บอกเรา –
ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ แล้วยังมีคนจะซ้ำเติมเรา ยังมีคนพร้อมจะเหยียบ
ในขณะเดียวกัน ก็มีเรื่องดีๆในเรื่องร้ายๆ – จะอธิบายยังไงดีละ รู้สึกเลย
ว่าดิสนีย์เรื่องนี้พูดถึง “ชีวิต”
ได้สมบูรณ์ในระดับหนึ่งเลยล่ะ /ขอละเรื่องดาร์กมากๆไว้
แต่เรื่องจิตใจที่โดนทำลายนี่ใช้ได้เลยนะ/
นอกจากนี้แล้วยังล้อเลียนหนังตัวเองอย่างแนบเนียนด้วย อย่างการเอาตัวละครดุ๊กวีเซิลตั้นจากโฟรเซ่น
หรือประโยคจากโฟรเซ่นมา เออ เหมือนจะมีเราขำอยู่คนเดียวในโรงหรือเปล่านะ เอาเถอะ
แต่รู้สึกว่าการแซะมาถึงจุดที่โอเค
ไม่รู้ว่าคนเขียนบทคนนี้หมั่นไส้โฟรเซ่นลึกๆหรือเปล่า (ฮา) แต่ชอบ
กลับมาพูดเรื่องจูดี้ กับ นิค
ชอบคำพูดของนิคที่ว่า โลกมันไม่ได้สวยงาม ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นอะไรที่อยากเป็น
ชอบความพ่อแม่ของจูดี้ที่กลัวเสียทุกอย่าง แต่จูดี้ยังคงพยายาม ไม่ได้ลดละ
มันก็การ์ตูนแหล่ะ แต่มันทำให้เรานึกถึงตัวเอง นึกถึงสิ่งที่เคยทำ สิ่งที่เคยเป็น
ที่อยากทำ อยากลอง ถึงคนอื่นจะบอกว่าทำไม่ได้ แต่เราเชื่อว่าเราทำได้ ไม่สิ
เราไม่รู้หรอก แต่เราก็ดันทุรังจะทำมันต่อ เท่านั้นแหล่ะ –
มันเหมือนเป็นสิ่งที่ทุกคนตอนเด็กๆน่าจะเคยเป็นกัน ความไม่ยอมแพ้ ความมุ่งมั่น
แต่พอเราโตขึ้น ความจริงก็ซัดพัดผ่านหน้า บอกว่ามันมีอุปสรรคมากเหลือเกิน
รู้มั้ยว่าทำไมการ์ตูนตัวเอกหรือประกอบอาชีพให้เข้าใจง่ายๆ
เพราะมันจะได้เข้าถึงทุกคนไง
ถามว่าถ้าอยู่ในจุดเดียวกันกับจูดี้แล้วเราจะทำได้แบบนั้นมั้ย
ไม่แน่ใจหรอก
ไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่
แต่เมื่อวานเพิ่งดู la famille belier มา จากดีวีดีที่ห้องนี่แหล่ะ ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือยังไง แต่ก็เป็นเรื่องความฝันของตัวเอกเหมือนกันแต่ทางนี้มีภาระหน้าข้างหลังอีกมากมาย
สิ่งที่ทั้งสองเหมือนกันคือการไม่ยอมแพ้
แม้ว่าคนอื่นจะไม่เชื่อ แม้ว่าตัวเองจะไม่เชื่อในบางที แต่ก็ไม่ทิ้งมันไป
มันอาจจะลังเลบ้าง หนีบ้าง แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็กระโดดเข้าสู้ดินแดนของความฝันของตัวเอง
ดินแดนที่ทรหด ใช้ความอดทน ใช้ความพยายาม แต่ก็กลับมาในเวลาที่ถูกต้องเหมาะสม
ไม่เร็วไป ไม่ช้าไป
พิมพ์มาโคตรยาว
เอาจริงๆสามารถเขียนสั้นๆได้อยู่นะ
คือการดูหนังทำให้กลับไปตระหนักถึงการ
“พยายาม”
เธอคงโดนตัวเองตอนเด็กตบหัว
ถ้าพูดถึงชีวิตด้านการเรียน เธอจะบ่นว่าขาดแรงบันดาลใจหรืออะไรก็ได้
แต่ว่าเธอดันเลิกพยายามไปด้วยนี่สิ แล้วเธอจะฟูมฟายกับผลลัพธ์ทำไม –
เธอไม่ได้ฟูมฟายขนาดนั้น เรารู้ แต่นั่นแหล่ะ
เราไม่ใช่ตัวเอก
ที่สุดท้ายผลจะออกมาเพอร์เฟค ช่วยโลกได้น่าซาบซึ้งขนาดนั้น แต่ว่านะ
หนังเรื่องชีวิตของเรา นอกจากเรา มันก็ไม่มีใครมาเทียบ
ไม่มีใครมาบอกว่าใครเป็นคนที่ใช้ชีวิตได้พีคกว่าใคร ทุกความพอใจ ทุกความสุข
มันอยู่กับจังหวะชีวิตของเราทั้งนั้นแหล่ะ ขึ้นอยู่กับการเลือกของเราทั้งหมด
เธอก็รู้ เราก็รู้
ชีวิตกับเป้าหมาย ไม่ได้เป็นทั้งหมดของความสุข แต่การพยายามเพื่อเป้าหมาย
มันก็เป็นชีวิตที่เธอมีความสุขไม่ใช่เหรอ ? ไม่ต้องเถียงว่าจะเหนื่อยหรอก
ไม่มีอะไรที่ไม่เหนื่อย นอกจากการกระทำที่มันไม่พัฒนาเธอเท่านั้นละ
ถ้าความสุขของเธอคือการพยายามอย่างไม่คิดอะไร
ลองเชื่อใจตัวเองอีกครั้งนะ
อย่าลังเลเลย
เราไม่รู้ว่าจุดจบมันจะกู๊ดเอนด์หรือแบดเอนด์นะ
แต่ว่า “พยายามเข้า” นะ
เรารู้ว่าเธอทำได้
อย่างที่เคยๆนั่นแหล่ะ
29/02/16 1.42