คำชี้แจง
เอนทรี่นี้เป็นไดอารี่แบบ
เขียนให้ตัวเองอ่าน และตัวเองเข้าใจจริงๆ
ที่เอามาลงบล็อก
เพราะดันพิมพ์เก็บไว้ในมือถือ เดี๋ยวมันจะจมหายไปกับไฟล์มากมาย
ไม่ต้องอ่านก็ได้นะ ถ้าหลงเข้ามา
เกรงใจ...
เจอกันเอนทรี่หน้า :3
30/01/16
พลังใจของเมื่อสามสิบวันที่แล้ว
กับของวันนี้
ถ้ามีคนเปิดกะโหลกแล้วอ่านความคิดได้
ดูยังไงก็คนละคนชัดๆ
ช่วงปี2558ที่ผ่านมาถือว่ามีอะไรมากมาย
แบบ มากมาย เข้ามาจริงๆ
ปัจจุบันน่ะเหรอ สมมุติเคยดูหนัง Yes man ตอนนี้เราคือม้วนที่กรอกลับที่จุดเริ่มของเรื่องเลยล่ะ
คนที่ไม่เอาอะไรเลย
แต่จริงๆก็มีเรื่องที่ทำส่วนตัวอยู่นะ
อย่างรับจ๊อบวาดรูป เวิ่นลงเพจ แต่เอาจริงๆส่วนมากก็ติดฟิคนั่นแหล่ะ
ซึ่งเราจะข้ามข้อนี้ไป เพราะอยากเลิกติดสักทีเหมือนกัน TwT - แต่ก็ซุ่มเขียนนิยายด้วยแหล่ะ
พล๊อตแต่งทิ้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ พบว่าภาษาตัวเองห่วยลงมาก
เทียบกับนิยายงี่เง่าที่เคยแต่งเล่นเมื่อสองปีก่อน
จะใส่เรื่องเข้าไปใน new year resolution ดีมั้ยนะ...
ต้นเดือน/01/16
2015 yearview
ช่วงต้นปียังเป็นปีหนึ่งอยู่ใช่มะ
ไปเที่ยวประเทศแหล่งกำเนิดซีรียส์กับความหนาวระดับติดลบ
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เจออากาศแบบนั้น สะใจไปเลย
เอาจริงๆความจำช่วงท้ายๆปีหนึ่งมันเลือนลางแฮะ จำได้แต่ปิดเทอม เป็นปิดเทอมที่รีบๆมาก
ตอนต้นปิดเทอมต้องไปเข้าค่ายธรรมะ
ก็ได้อะไรหลายๆอย่างนะ สรุปในประโยคเดียวคือ ได้รู้ว่าตัวเองขาดสติขนาดไหน
จากนั้นก็กลับมารีบจัดข้าวของไปค่ายหมอนอกรั้วฯ
เป็นค่ายเจ็ดวันที่ได้อะไรๆเยอะมากกกกกกกก
ได้มุมมองที่ดีและไม่ดีต่อการเรียนแพทย์ได้เห็นของจริง โรงพยาบาลชุมชนจริงๆ
คนไข้ตัวเป็นๆ เยอะมาก ทำให้เราเปิดใจกว้างขึ้นด้วยอ่ะ ในแง่การมองคนทำงาน
เพราะเราไม่รู้เบื้องหลัง หลายๆอย่างเลย ทำให้มุมมองเปลี่ยน
และการให้คุณค่าคนเปลี่ยนไป (ไปอ่านละเอียดๆในสมุดนะ)
จากนั้นรู้สึกว่าจะปั่นโดแบบ
ลืมวันลืมคืน ลืมนัดเพื่อน ออกมาก็ไม่ค่อยหนุกอีก 55555 แถมเถื่อนด้วย
รู้สึกว่าน่าจะไปวาดดราม่าน้ำตาตกที่ร่างแยกไว้มากกว่า แต่ก็สนุกดี
เป็นประสบการณ์โคตรใหม่ และตอนนั้นก็พบว่าเราขี้อายเกินกว่าจะชวนคนบู๊ธข้างๆคุย
โคตรเสียโอกาสอ่ะ ไอ้ความขี้อายเนี่ย
แล้วเวลาก็หดสั้นลงอีกเพราะไปเที่ยวนานอยู่ ซึ่งไม่ค่อยสนุก
การไปประเทศที่เวลาตรงข้ามกับเราเกือบสมบูรณ์มันทำให้วงจรการนอน การกินพังมาก
ถึงแม้จะได้เปิดหูเปิดตากับ สไตล์คน ตึกสูงอลัง น้ำตกยักษ์ อะไรๆที่ใหญ่อลัง
แต่การเที่ยวรอบนั้นทำให้รู้สึกเลยว่า ตัวเองให้คุณค่าการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปแล้ว
ทำไมน่ะเหรอ คือถ่ายรูปมันก็คือถ่ายรูปเนาะ การได้คิดมุมก็สนุก
การได้กินของแปลกก็ดี
แต่คือมันรู้สึกว่าไม่ได้ประสบการณ์มากเท่าที่เสียเงินและเวลาไปอ่ะ แต่ก็นั่นแหล่ะ
เหมือนได้รู้ว่ามีมุมนี้ของโลกจริงๆ เพราะมันคล้ายๆเมกา ที่มันเห็นได้บ่อยๆตามสื่อ
ถ้าเอาจริงๆอยากไปอยู่นานๆแล้วได้คุยกับคนท้องถิ่นจริงๆสักคนเลยดีกว่า
ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าได้ไปเที่ยวกับเพื่อนที่กาญจนบุรี
ที่ไปถึงแล้วรู้สึกว่าไม่มีเชี่ยไรเลย เพราะไม่มีน้ำ เหมือนไปนั่งรถไฟเล่น
แล้วก็นั่งคุยกับเพื่อนละมั้ง เหมือนแค่เปลี่ยนที่ใช้เวลาร่วมกันเฉยๆ (อ้าว)
โห ตอนแรกกะจะบรรยายละเอียด
แต่คิดไปคิดมา ลิสต์ละกัน
- ฝ่ายศิลป์ งานรับน้อง
เฟรชชี่ไนท์ เป็นงานก่อนเปิดเทอมที่ถึกทนมาก ทำงานทั้งวัน ทุกวัน แต่ก็สนุกนะ
ทำให้ได้รู้จักหลายๆคนมากขึ้น ดีใจที่ได้ทำงานนี้
ถึงเพื่อนจะเสียน้ำตากันเลยก็เถอะ เป็นงานแรกที่ทำให้รู้จักเพื่อน(นอกฝ่าย)
ในแง่อื่นๆมากขึ้นด้วย ผิดหวังกับหลายๆคน และก็ประทับใจหลายๆคน
- งานเดิม แต่เพิ่มเติมคือ
เป็นโฟโต้ในวันจริง ก็หนุกดี ได้จับงานถ่ายรูปจริงๆจัง พบว่ามันไม่ง่าย
ถ่ายร้อยสวยครึ่งนึงคือดีงามมากแล้ว
- ทัศนศึกษากับโฟโต้
- เที่ยวกลางคืน (ตรงตัว)
กับเพื่อนชมรมอาร์ตในมอ ช่วงบล็อกแรกๆ หนุกนะ ไปกินนู่นนี่ อ้วนเลย กำ
แต่หลังๆไม่ได้เจอกัน เพราะตรงกับสอบเยอะมาก เสียดาย
- ถ่ายรูปขันโตก โห งานอลังก็มา
ได้จับกล้องโอ คือนิกรฟูลเฟรม พบว่ามันเจ๋งมาก
เข้าใจแล้วว่ากล้องดีมันต่างกันอย่างไร ได้รู้จักคนเพิ่มอีก
- งานสวนดอกมิวสิคเฟสติวัล
เป็นงานที่กินระยะเวลาดำเนินงานนานที่สุดตั้งแต่ทำงานมา สเกลใหญ่มากด้วย
แต่กลับไม่ได้คอนเน็คชั่นเพิ่มเท่าที่ควร รู้จักเพิ่มจริงๆคือพี่ประธาน
แต่ก็ไม่สนิทมากกก อีก เพราะเราแม่งมัวแต่เกร็ง ขรรม
แต่ก็เป็นคนประเภทที่ไม่ค่อยคุยด้วยมั้ง หลังๆค่อยมาเล่นกันได้มากขึ้น
เป็นช่วงเวลาที่ดีและห่วยแตกไปพร้อมกัน ภาพสุดท้ายที่งานเสร็จ
ความขุ่นมัวมันหายไปเยอะมาก เหลือแต่ความภูมิใจในฐานะคนออกแบบ
(งานยิบย่อยก็ทำกะพี่อยู่สองคน เลยเครียดแดกและตายดับ)
- เพราะปล่อยตัวเองตกฮีมาโต
พบว่าการตกมีเงื่อนไขง่ายมาก คือตอนเรียนยังเข้าใจ แต่ตอนมาอ่านอ่ะๆม่เข้าใจ
แถมอ่านน้อย คล้ายๆกับว่ายังไม่จบด้วยมั้งตอนนั้น เลยไม่ประหลาดใจที่ตก
ผ่านมาได้ชุดนึงก็ดีแล้วมั้ง
- บล็อกสกินเป็นอะไรที่เจ็บใจมาก
เหมือนคิดว่าตัวเองอ่านดีแล้วแต่อ่านไม่สุด ควรจะเลือกว่าจะอ่านล้วน จำออล
หรือเชื่อๆข้อสอบเก่าไปให้หมด คะแนนดีแต่เกรดไม่ดี
- ปรากฏการณ์วาร์ป
คือสอบสกินเสร็จแล้วก็ตัดสินใจไปเที่ยวกะพวกโฟโต้ ไปล่องแพเฉยยยย แต่มันส์มาก
แม้จะโดนพี่พอช.ค้อน เพื่อนด่าว่าวาร์ป ก็คุ้มนะ 5555
หลังจากนั้นก็เป็นเหตุการณ์แอลเฟิร์สไทม์ เก็บซากเพื่อนเฟิร์สไทม์
- งานการ์ดบายแกรนด์ รู้สึกว่าอันนี้เราทำขั้นตอนได้โอเคจนถึงตอนแจกการ์ดนั่นล่ะ
วางแผนไม่ดี รับกันมั่วซั่วไปหมด ไม่ช่วยกันเลย แต่ก็บ่นคือคอนเซปคนคณะเรามากๆ
- งานออกแบบโลโก้อยากเป็นหมอ
คือควรจะเป็นของม่อน งานนี้เป็นที่ทำให้รู้สึกถึงความยุ่งยากของงานใหญ่กว่างานรุ่น
แล้วต้องการอาจารย์มารับรอง แก้นู่นนี่ สงสารปิ่นที่ต้องทำโปสเตอร์เหมือนกันนะ
มันเหนื่อย
- งานออกแบบโลโก้ งานแข่งของคณะ โห
นี่ก็นึกว่าจะรอด เค้นจินตนาการที่มีน้อยนิดในหัวออกมาแทบตาย ดีนะ ที่ได้ใช้
ไม่งั้นคงร้องไห้หนักจริงๆ เพราะโดนแก้บ่อยมาก ตั้งแต่รอบโมแล้ว
พบว่าระบบสั่งงานห่วยมาก ไม่ได้ด่าเอามันส์นะ
แต่ไม่มีคนรับผิดชอบและตัดสินใจขาดคนเดียวไปเลย มีแต่คนอยากแก้ๆ อยากให้มันดีๆ
แต่ไม่มีทางออกที่เป็นรูปธรรมให้เรา จ้างเถอะคุณ !
- ทำงานพิเศษในร้านกาแฟ
ในที่สุดก็ได้ทำงานพิเศษหลังจากที่อยากมานาน อันนี้สมัครไม่ยากเลย
เค้าเอาแค่พูดอังกฤษกับเค้ารู้เรื่อง เราชอบถามให้เค้าเล่าเหมือนกันนะ สนุกดี
บรรยากาศในร้านก็น่ารัก หอมกาแฟ มีแมว แล้วเค้าทำเองคนเดียว
คือมันเหมือนหลุดมาจากฝันของใครหลายๆคนเลยล่ะ เราก็ได้เรื่องการฝึกทำงานด้านนี้
การทำตัวให้คล่องแคล่ว ทำตามลำดับ ยิ้มแย้มให้ลูกค้า รายละเอียดการวางของและเสิร์ฟของคุณเจ้าของร้านคือมากมาย.
แต่คนน้อย เวลาไปทำแต่ละทีทถ้าคนเยอะคนได้อะไรๆมากในเวลาสั้นๆ
ส่วนใหญ่เลยเอาไว้นั่งอ่านหนังสือรอคน คิดว่าจะเลิกแล้ว
เพราะอยากทุ่มให้กับเป้าหมายปีหน้า
สรุป ถ้าถามว่าเป็นปีแบบไหน
คงจะขอใช้คำเมือง "โฮะ" มาก อะไรไม่รู้ รับงาน อ่านหนังสือ
มั่วซั่วไปหมด ไม่ค่อยจะจัดแพลนเท่าไหร่ด้วย ชอบพังแพลนตัวเอง ทำอะไรตามใจเยอะมาก
ไม่ค่อยใช้เหตุผล จนตอนปลายปีกลับไปมองหลายๆ มันก็แอบเซ็งนะ แบบทำแบบนั้นทำไม
ตอนใกล้จบปีก็เครียดได้ที่ เพราะเป็นมัสคูโลด้วยหรือเปล่าไม่รู้
เล่นเอาสติแตกเลยล่ะ น่าจะเป็นครั้งล่าสุดตอนใกล้สอบเอนทรายซ์นู่นมั้ง
แต่พอมาตอนนี้จริงๆ ไม่เสียใจกับปีโฮะที่ผ่านมาเลยนะ มันสนุกอ่ะ มันพังดี
มันรวมความแปลกใหม่ในชีวิตที่เราเชื่อว่าตัวเราตอนเด็กๆต้องเคยฝันถึงมั่งล่ะ
ถึงจะไม่ใช่ความฝันหลัก แต่เราถือว่าเราไลองหลายๆรสชาติใหม่ๆแล้ว เราเลยอยากจะดึงตัวเองกลับมาหาอะไรที่ทำให้รู้สึกนิ่งมากขึ้น
เพราะทั้งหมดทั้งมวลที่ทำมา
ก็แค่ให้เรารู้ว่าจริงๆเราเป็นคนที่ชอบชีวิตแบบไหนมากกว่า
ความอินทรอเวิร์ดไม่เข้าใครออกใครจริงๆ (ฮา)
2016 year resolution
-
กล้าที่จะทำความรู้จักคนแปลกหน้าให้ได้มากกว่านี้ ถ้าอยากรู้จักก็ถามเลย
เพราะนี่ก็อ้ำอึ้งไม่ถามพี่ที่ไปทัวร์ด้วยกันแล้วเพิ่งมารู้ทีหลังว่าพี่เค้าเรียนจิตเวชอยู่
ซึ่งโคตรน่าสนใจอ่ะ เซ็งตัวเองมาก
- ตั้งใจเรียน สักที
เลิกเปรียบเทียบตัวเองตอนนี้กับตัวเองเมื่อก่อนได้แล้ว เรามีแต่เปลี่ยนไปๆ
เปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่ตัวเองอยากเป็นก็พอ อยากเรียนให้มันสุดๆไปสักบล็อกอ่ะ
อยากรู้ว่าจริงๆแล้วจะทำได้มั้ย
- เลิกคิดเรื่องการถูกเข้าใจเพศผิด
เราเป็นอะไร เขาจะมองยังไง ก็เรื่องของเขา
ไว้จะจีบใครค่อยไปบอกเค้าทีหลังละกันนะ(เอ้ะ..)
- วาดรูปวันละ 1 รูป
แล้วสักอาทิตย์ สองอาทิตย์ลงในอัลบั้มในเพจทีนีง จะได้มีวินัย
แล้วก็ไม่ทิ้งจนมือฝืด
- วาดเรื่องสั้น สักทีเหอะ
ตั้งเป็นเป้ามากี่ปีแล้วคะ สามหน้าก็นับนะ เอาดีๆสักอัน
(การได้ออกโดก็ถึงว่ากล้าทำสักทีไปครั้งนึงแหล่ะเนาะ)
- มองตาคนอื่นตอนคุยมากขึ้น
-
อ่านหนังสือที่ไม่ใช่หนังสือเรียนเดือนละเล่ม (ฟังดูน้อยและอ่อนมาก
แต่ปีที่แล้วอ่านน้อยอยู่นะ)
- ออกกำลังให้ถึงวีคละสามวัน
- มีความสุข ในแง่ที่
มองสิ่งต่างๆที่ทำให้มีความสุข หาความสุขในมันมากๆ รับความรู้สึกด้านลบให้น้อยๆ
คิดได้ เครียดได้ แต่รอบสองรอบก็มากพอแล้ว ที่เหลือมันเกิดขึ้นไปแล้ว
ก็ปล่อยมันไปเยอะๆ ยิ้มเยอะๆ
สวัสดีปีใหม่นะ
แข็งแรงให้มากพอจะรับทั้งทุกข์และสุข
(เครดิตจีทียู)
เราเอ